วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2561

ข่าวเทคโนโลยี 15

เวทีเศรษฐกิจโลกสวนกระแส ชี้หุ่นยนต์จะช่วยสร้างงานเพิ่ม

หุ่นยนต์อาจช่วยสร้างงานเพิ่มอีกสองเท่า
รายงานล่าสุดของคณะผู้จัดการประชุมเวทีเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum - WEF) ระบุว่าหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์นั้นไม่เป็นภัยต่อความมั่นคงทางแรงงานของมนุษย์ โดยเทคโนโลยีอันทันสมัยจะไม่ทำให้ผู้คนต้องตกงาน แต่กลับจะช่วยสร้างตำแหน่งงานขึ้นใหม่เป็นจำนวนมาก คิดเป็นสองเท่าของตำแหน่งที่ใช้เครื่องจักรเข้ามาแทนที่มนุษย์
รายงานดังกล่าวชี้ว่า จะมีตำแหน่งงานใหม่เกิดขึ้นถึง 133 ล้านตำแหน่ง ภายในช่วงกลางทศวรรษหน้า เนื่องมาจากการพัฒนาเทคโนโลยีที่รุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่คาดการณ์ว่าจะมีตำแหน่งงานของมนุษย์ที่ถูกเครื่องจักรเข้าแทนที่ 75 ล้านตำแหน่ง ซึ่งถือว่าน้อยกว่ากันมาก
เนื้อหาของรายงานนี้เป็นไปในทิศทางที่มุ่งคลายความวิตกกังวลของสังคม ในประเด็นที่หวั่นเกรงกันว่าระบบเศรษฐกิจในอนาคตที่ใช้หุ่นยนต์เป็นตัวขับเคลื่อน จะทำให้ผู้คนนับล้านต้องตกงาน ทั้งเกิดปัญหาด้านค่าแรง คุณภาพชีวิต และความเหลื่อมล้ำกระจายออกไปเป็นวงกว้างในบรรดากลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว
รายงานของ WEF ชี้ว่า เทคโนโลยีใหม่มีศักยภาพทั้งในด้านก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันและสร้างสรรค์ระบบการทำงานแนวใหม่ เช่นเดียวกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในยุคก่อน ๆ ของหน้าประวัติศาสตร์เศรษฐกิจโลก เช่น การปฏิวัติอุตสาหกรรมด้วยเครื่องจักรไอน้ำและการผลิตไฟฟ้า ซึ่งต่อมาช่วยสร้างงานตำแหน่งใหม่ ๆ และพัฒนาความเป็นอยู่จนมีชนชั้นกลางเพิ่มจำนวนมากขึ้น
รายงานนี้ได้มาจากผลสำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารบริษัทต่าง ๆ จาก 20 ประเทศทั่วโลก ซึ่งมีพนักงานรวมกันถึงกว่า 15 ล้านคน โดยนายเคลาส์ ชวาบ ประธาน WEF กล่าวว่า การได้ตำแหน่งงานเพิ่มขึ้นจากเทคโนโลยีนั้นไม่ได้เป็นการวาดฝันล่วงหน้าจนเกินไป แต่จะต้องมีการลงทุนเพิ่มขึ้นเพื่อฝึกอบรมและให้การศึกษาแก่พนักงาน สำหรับการปรับตัวทำงานร่วมกับหุ่นยนต์ในอนาคต
อย่างไรก็ตามประธาน WEF ชี้ด้วยว่า ในขณะเดียวกันภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมจะต้องลงทุนตั้งเครือข่ายสวัสดิการ เพื่อรองรับพนักงานกลุ่มที่เสี่ยงจะต้องสูญเสียตำแหน่งงานไปด้วย
รายงานยังระบุว่า ผลสำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารกิจการทั่วโลก ชี้ว่าตำแหน่งงานถึงครึ่งหนึ่งที่มีอยู่ในบริษัทของตน สามารถใช้หุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์เข้าทดแทนได้ภายในปี 2025 โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำแหน่งงานด้านธุรการ บัญชี และคนป้อนข้อมูล รวมทั้งคนที่ไม่มีทักษะในการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ

วิเคราะห์ข่าวได้ว่า หุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์นั้นไม่เป็นภัยต่อความมั่นคงทางแรงงานของมนุษย์ โดยเทคโนโลยีอันทันสมัยจะไม่ทำให้ผู้คนต้องตกงาน แต่กลับจะช่วยสร้างตำแหน่งงานขึ้นใหม่เป็นจำนวนมาก คิดเป็นสองเท่าของตำแหน่งที่ใช้เครื่องจักรเข้ามาแทนที่มนุษย์

ข่าวเทคโนโลยี 14


เทคโนโลยีรักษาความปลอดภัย: ระบบควันไล่โจรขึ้นบ้าน

"หากโจรมองไม่เห็น พวกเขาก็เอาอะไรไปไม่ได้" นี่คือแนวคิดที่อยู่เบื้องหลังการพัฒนา ZeroVision อุปกรณ์รักษาความปลอดภัยที่จะช่วยจัดการกับปัญหาตีนแมวย่องเบาเข้าไปลักทรัพย์ตามบ้านเรือน ด้วยการปล่อยควันหนาทึบเมื่อตรวจจับว่ามีผู้บุกรุกเข้าบ้าน

บริษัทผู้ผลิตบอกว่า แม้นี่อาจไม่ใช่นวัตกรรมใหม่ แต่การนำอุปกรณ์ปล่อยควันมาใช้กับระบบบ้านอัจฉริยะถือเป็นมิติใหม่ในการรักษาความปลอดภัย โดย ZeroVision จะตรวจจับผู้ที่บุกรุกเข้าบ้าน จากนั้นระบบจะส่งข้อมูลไปยังเจ้าหน้าที่ที่ตรวจสอบความปลอดภัยผ่านกล้องวงจรปิด และเมื่อเห็นว่ามีผู้บุกรุก เจ้าหน้าที่จะสั่งการให้ระบบปล่อยควันหนาทึบออกมาในห้องที่มีการติดตั้งระบบนี้ ซึ่งจะปิดกั้นทัศนวิสัยอย่างสิ้นเชิงภายใน 45 วินาที บริษัทผู้ผลิตอ้างว่าควันจะหายไปภายใน 45 นาทีและไม่ทิ้งสารตกค้างใด ๆ ภายในบ้าน
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เทคโนโลยีรักษาความปลอดภัย: ระบบควันไล่โจรขึ้นบ้าน

วิเคราะห์ได้ว่าการนำอุปกรณ์ปล่อยควันมาใช้กับระบบบ้านอัจฉริยะถือเป็นมิติใหม่ในการรักษาความปลอดภัย โดย ZeroVision จะตรวจจับผู้ที่บุกรุกเข้าบ้าน

ที่มา BBC News

วันเสาร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2561

ข่าวเทคโนโลยี13

รวบชายใช้พาสปอร์ตปลอมเข้าสหรัฐฯ ด้วยเทคโนโลยีจดจำใบหน้า

รวบชายใช้พาสปอร์ตปลอมเข้าสหรัฐฯ ด้วยเทคโนโลยีจดจำใบหน้า

ทางการสหรัฐฯ นำเทคโนโลยีจดจำใบหน้า มาช่วยในการจับกุมชายที่ใช้พาสปอร์ตปลอม ลักลอบเข้าประเทศ ที่สนามบินนานาชาติดัลเลส ในเวอร์จิเนีย หลังจากติดตั้งระบบจดจำใบหน้าในสนามบินได้เพียง 3 วัน ทางการจับกุมชายวัย 26 ปี ที่เดินทางจากนครเซา เปาโล ของบราซิล ซึ่งพยายามเข้าสหรัฐฯโดยใช้พาสปอร์ตปลอมของฝรั่งเศส แต่ระบบจดจำใบหน้าสามารถระบุตัวได้ว่าข้อมูลบนใบหน้าของเขาไม่ตรงกับสัญชาติของหนังสือเดินทางที่เขาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเข้าตรวจค้นจึงพบว่า ชายคนดังกล่าวมีสัญชาติคองโก และซ่อนบัตรประจำตัวประชาชนของตัวเองไว้ในรองเท้า เจ้าหน้าที่หน่วยงานศุลกากร ภายใต้กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ ระบุว่า สนามบินนานาชาติดัลเลส เป็นหนึ่งใน 14 สนามบินในอเมริกา ที่นำร่องการใช้ระบบจดจำใบหน้า ตามด่านตรวจคนเข้าเมืองของสนามบิน ซึ่งเริ่มใช้ระบบนี้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ปัจจุบันมีหลายประเทศทั่วโลกที่เริ่มนำระบบดังกล่าวไปใช้ โดยเฉพาะที่ประเทศจีน ซึ่งมีการใช้ระบบจดจำใบหน้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนที่สหรัฐฯ ก็เริ่มใช้ระบบนี้บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองตามพรมแดนสหรัฐฯ ท่ามกลางเสียงคัดค้านว่าอาจเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล รวมทั้งการวิจัยที่ชี้ว่าระบบจดจำใบหน้ายังไม่แม่นยำเพียงพอ โดยเฉพาะกับคนผิวสี

วิเคราะห์ได้ว่า ทางการสหรัฐฯ นำเทคโนโลยีจดจำใบหน้า มาช่วยในการจับกุมชายที่ใช้พาสปอร์ตปลอม ลักลอบเข้าประเทศ ซึ่งเริ่มใช้ระบบนี้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ปัจจุบันมีหลายประเทศทั่วโลกที่เริ่มนำระบบดังกล่าวไปใช้ โดยเฉพาะที่ประเทศจีน ซึ่งมีการใช้ระบบจดจำใบหน้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนที่สหรัฐฯ ก็เริ่มใช้ระบบนี้บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองตามพรมแดนสหรัฐฯ 
ที่มา : sanook
ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองตามสนามบินจะใช้การระบุเอกลักษณ์ อย่างการตรวจลายนิ้วมือ เพื่อดูว่าใช้หนังสือเดินทางจริงหรือไม่ในการเข้าออกประเทศ แต่สร้างความล่าช้าในระบบตรวจคนเข้าเมืองอย่างมาก ทำให้มีการผลักดันการใช้ระบบตรวจลายนิ้วมือเพียงอย่างเดียวแทนการใช้เอกสารการเดินทาง ก่อนจะมีการเสนอให้ใช้ระบบจดจำใบหน้านี้ขึ้นมาระบบจดจำใบหน้า เริ่มได้รับความสนใจในสหรัฐฯ เมื่อไม่นานมานี้ หลังจากที่ผู้ก่อเหตุกราดยิงในสำนักงานของหนังสือพิมพ์ Capital Gazette ที่เมืองแอนนาโพลิส รัฐแมรีแลนด์ ซึ่งช่วยระบุตัวผู้ก่อเหตุ ที่ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่พิมพ์ลายนิ้วมือเพื่อระบุเอกลักษณ์

วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2561

ข่าวเทคโนโลยี12


ปตท.ลุยสถานีเติมไฟฟ้า

นายบุรณิน รัตนสมบัติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ธุรกิจหล่อลื่น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยระหว่างนำสื่อมวลชนศึกษาดูงานสำนักงานใหญ่รถยนต์ค่ายบีเอ็มดับบลิว ณ เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี ว่าจากแนวโน้มการใช้รถยนต์ของโลกหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น เพราะมีการพัฒนาเทคโนโลยีให้การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าได้ระยะทางยาวขึ้น ขณะที่ในปีนี้ ปตท.จะสร้างสถานีชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์อีก 20 สถานี จากปัจจุบันเสร็จไปแล้ว 21 แห่ง แต่ยังไม่ได้เปิดบริการบุคคลทั่วไป เพระรอการอนุมัติของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)


ด้านนายณรัตน์ไชย หลีระพันธ์ ประธานกรรมการ บริษัท จีแอลที กรีน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปีนี้จะลงทุนอีก 50 ล้านบาท เพื่อสร้างสถานีชาร์จรถไฟฟ้าเพิ่มอี
ก 70 สถานี ซึ่งจะทำให้บริษัทมีจุดให้บริการกว่า 200 สถานี เพื่อรองรับกระแสใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่เริ่มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขณะนี้ประเทศไทยมีการใช้งานแล้วราว 13,000 คัน และจากนี้ไปคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกปีละ 10,000 คัน ส่วนค่าบริการในการชาร์จไฟฟ้าแต่ละครั้งนั้นจะคิดตามความเหมาะสม เช่น ที่ห้างคิดค่าบริการชั่วโมงละ 40-50 บาท หากคำนวณระยะทางต่อลิตรจะถูกกว่าเติมน้ำมันเชื้อเพลิง.

วิเคราะห์ได้ว่า แนวโน้มการใช้รถยนต์ของโลกหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น เพราะมีการพัฒนาเทคโนโลยีให้การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าได้ระยะทางยาวขึ้น ขณะที่ในปีนี้ ปตท.จะสร้างสถาน
ชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์อีก 20 สถานี จากปัจจุบันเสร็จไปแล้ว 21 แห่ง แต่ยังไม่ได้เปิดบริการบุคคลทั่วไป เพราะรอการอนุมัติของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)


ที่มา : thairath