วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

ข่าวเทคโนโลยี 7


Samsung กลับมาชูโฆษณาแบตเตอรี่อึดอีกครั้ง หลังเกิดเหตุบน Note 7


Samsung กลับมาชูโฆษณาแบตเตอรี่อึดอีกครั้ง หลังเกิดเหตุบน Note 7




อย่างที่รู้กันดีว่าในช่วงอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าทาง Samsung น่าจะทำการเปิดตัว Galaxy Note 9 ออกมาให้พวกเราได้เห็นกันแล้วและก็ดูเหมือนว่าการเปิดตัวในครั้งนี้จะเป็นการนำเสนอแบตเตอรี่ขนาดใหญ่จากทาง Samsung อีกครั้งหนึ่ง และที่คาดการณ์กันเอาไว้ว่าจะเป็นอย่างนั้นก็เพราะ Teaser ที่ทางเราได้เห็นกันนี่เองที่ทำให้เห็นได้ชัดเลยว่า Samsung มีแบตเตอรี่มาเป็นอีกจุดช่วยขายในครั้งนี้
มีข่าวลือออกมาด้วยว่าในครั้งนี้แบตเตอรี่อาจจะสามารถจุได้ถึง 4,000 mAh (บางสื่อบอกว่า 3,850 mAh) ซึ่งถ้าออกมาขนาดนี้จริงก็สามารถพูดได้เลยว่าเป็นแบตเตอรี่ที่ใหญ่ที่สุดในตระกูล Note แล้ว จึงเป็นที่น่าจับตามองว่าการเปิดตัวในครั้งนี้น่าจะเป็นอีกก้าวที่สำคัญของการพัฒนาจากทาง Samsung ที่น่าจะตื่นเต้นกว่าปีที่ผ่านมา และการก้าวข้ามปัญหา Note 7 ที่เกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีก่อน

อย่างที่หลายๆ คนได้ทราบกันมาว่า Note 7 นั้น เคยมีขนาดแบตเตอรี่ที่จุได้ถึง 3,500 mAh แต่ก็ต้องถูกเรียกคือเป็นการด่วนเนื่องจากปัญหาในเรื่องของแบตเตอรี่ จนทำให้สายการบินของสหรัฐฯ ห้ามผู้โดยสารนำอุปกรณ์ดังกล่าวขึ้นเครื่องโดยเด็ดขาดเพื่อเป็นการป้องกันความปลอดภัยนั่นเอง
หลังจากเกิดเหตุการณ์ของ Note 7 ขึ้นในปี 2016 ทาง Samsung ก็ได้ออกมาขอโทษและชดเชยเรียบร้อยแล้ว และในปีต่อมา Note 8 ก็ถอยกลับมาใช้แบตเตอรี่ขนาด 3,300 mAh
แต่ดูเหมือนในครั้งนี้ทาง Samsung จะมั่นใจมากขึ้นแล้วเพราะดูเหมือนว่าทางบริษัทจะไม่เพียงแค่จะปล่อยแบตเตอรี่ที่ใหญ่กว่าเดิมออกมาและยังเป็นจุดขายหลักของ Note รุ่นล่าสุดในครั้งนี้อีกด้วย
และแน่นอนว่าเป้าหมายในครั้งนี้ของ Galaxy Note 9 นั้นจะต้องไม่มีเพียงแค่แบตเตอรี่ความจุสูงเท่านั้น แต่ยังต้องมีอะไรที่มากกว่าการเป็นแค่ Galaxy S9+ พร้อมปากกาแน่นอน

วิเคราะห์ข่าวได้ว่า จากข่าวข้างต้น Samsung ได้เปิดตัว  Samsung Galaxy Note 9 ซึ่งรุ่นนี้มีแบตเตอรีที่ใหญ่และสามารถจุไฟได้ถึง 4000 mAh ซึ่งสามารถจุได้มากกว่ารุ่นอื่นๆที่เคยมีมา

ที่มา : news.thaiware

วันพฤหัสบดีที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

ข่าวเทคโนโลยี 6

เปิดโฉม “เทคโนโลยีซักได้” เพื่อคนรักแฟชั่นและชอบผลิตภัณฑ์ไฮเทค
เปิดโฉม “เทคโนโลยีซักได้” เพื่อคนรักแฟชั่นและชอบผลิตภัณฑ์ไฮเทค
เทคโนโลยีที่สวมได้ หรือ wearable technology เป็นที่พูดถึงกันอย่างกว้างขวางในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตัวอย่างที่เห็นชัดที่สุดน่าจะเป็น นาฬิกาสมาร์ทว็อทช์ ที่กลายเป็นสินค้าที่พบเห็นทั่วไปภายในเวลาไม่กี่ปี
ล่าสุด wearable technology กำลังเข้าสู่ยุคของการพัฒนาเสื้อผ้า ที่มีระบบปฏิบัติการเหมือนกับว่าเรากำลังสวมใส่คอมพิวเตอร์อยู่
โครงการหนึ่งที่สะท้อนถึงเทคโนโลยีล่าสุดนี้ คือความร่วมมือระหว่างบริษัท Google และบริษัทเสื้อผ้า Levi’s ของสหรัฐฯ
คุณไอวาน ปูพิเรพ (Ivan Poupyrev) จาก Google กล่าวว่า เสื้อแจคเก็ตที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยโครงการร่วมดังกล่าวสามารถส่งสัญญาณสั่น และสัญญาณแสง เตือนผู้สวมใส่เมื่อมีสายเรียกเข้า นอกจากนั้น เมื่อผู้ใส่เสื้อ ลูบไปที่ผ้าบริเวณปลายแขน ระบบสามารถบอกถึงเส้นทางการเดินทาง และเปิดเพลง เมื่อเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้
เขากล่าวว่า การเชื่อมต่อระบบคอมพิวเตอร์กับเสื้อผ้าที่สวมใส่ทำให้ผู้ที่เดินทางไม่จำเป็นต้องละสายตาไปจากถนนที่อยู่ตรงหน้า
และเนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์เสื้อผ้า นักประดิษฐ์จึงเรียกนวัตกรรมเหล่านี้ว่าอยู่ในกลุ่ม washable technology หรือ “เทคโนโลยีซักได้”
ไอวาน ปูพิเรพ กล่าวว่า เทคโนโลยีนี้เกิดขึ้นจากการสร้างเส้นใยไฮเทค ด้วยความรู้วิศวกรรมชีวภาพที่ทำให้ใยไหม หรือหนังที่ใช้กับเสื้อผ้าซึ่งถูกสร้างการเซลยีสต์ทำงานร่วมกับการสั่งการโดยซอฟแวร์ได้
เทคโนโลยีที่ปฏิวัติแนวทางการสร้างวัสดุสำหรับการตัดเสื้อผ้ายังส่งผลถึงการออกแบบเครื่องแต่งกายด้วย
ซะยูซี เพ็คชีแอน จากบริษัท BCG Ventures กล่าวว่า ผู้ออกแบบเสื้อผ้ามีเครื่องมือใหม่ๆ เหล่านี้ ที่ทำให้พวกเขาสร้างงานที่ไม่เคยได้ออกแบบมาก่อน
เธอกล่าวว่าเนื่องจากความซับซ้อนของนวัตกรรมใหม่ เช่น การทำแบบด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ที่มีสูตรคณิตศาสตร์มาเกี่ยวข้อง งานของดีไซเนอร์ยุคใหม่อาจต้องใช้ความรู้การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์มาช่วย
นอกจากเทคโนโลยีในการออกแบบ วงการเสื้อผ้ายังต้องปรับตัวกับระบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์เรื่องการตลาดผ่านข้อมูลบนโซเชียลมีเดีย
ซะยูซี เพ็คชีแอน กล่าวว่า ผู้กำหนดทิศทางแฟชั่น อาจไม่ใช่ดีไซเนอร์ที่มีความรู้ชั้นสูงด้านการออกแบบเสมอไป เพราะเทรนด์แฟชั่นในปัจจุบันถูกกำหนดโดยลูกค้าและใครก็ได้ที่สามารถแสดงความคิดเห็นบนโลกออนไลน์
และแผนการตลาดของผู้ขายเสื้อผ้าในปัจจุบัน ดึงข้อมูลพฤติกรรมการซื้อของออนไลน์ของผู้บริโภคมาใช้ โดยมีจุดประสงค์เพื่อนำเสนอสินค้าที่ถูกใจผู้ที่เข้ามาดูของบนหน้าเว็บไซต์
คุณเพ็คชีแอน บอกว่าประสบการณ์ซื้อเสื้อผ้าออนไลน์ในปัจจุบัน นำเสนอสินค้าต่อลูกค้าตามรสนิยมของผู้ซื้อแต่ละคน จนทำให้บางครั้งรู้สึกว่า แบรนด์สินค้ารู้จักตัวตนของลูกค้าเป็นอย่างดี
ส่วนผู้ที่รู้สึกถูกใจกับ เสื้อแจคเก็ตอัจฉริยะของ Levi’s บริษัทตั้งราคาไว้ที่ตัวละ 350 ดอลลาร์หรือกว่า 10,000 บาท
วิเคราห์ข่าวได้ว่าเสื้อแจ็คเก็ตตัวนี้สามารถประหยัดเวลาในการทำความสะอาดเสื้อผ้าได้ในระดับนึงและมีประโยชน์กับนักเดินทางอีกด้วย ถึงแม้จะมีราคาที่ค่อนข้างสูง
ที่มา sanook

วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

ช่าวเทคโนโลยี 5

เก็บฐานข้อมูล ให้ตัวเอง




Airtable แอปพลิเคชันที่เก็บข้อมูลให้คนเรากับการสร้างตำนานให้กับชีวิตของตัวเองด้วยการบันทึกความสนใจ แผนงาน ความฝัน เป้าหมาย ของสะสม ฯลฯ เก็บไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยในแอป เมื่อเปิดแอปมาคุณจะเจอ คอลเลกชันแนะนำมากมายให้เลือกใช้ เช่น คอร์สเรียนกีตาร์ ชมรมฟุตบอล คลังรองเท้ากีฬา และหากไล่ลงมาด้านล่างๆ จะพบว่าคุณสามารถเลือกสร้างบันทึกของตัวเองในหมวดต่างๆ อาทิ การติดตามโปรเจกต์ เช่น เตรียมซื้อรถใหม่ รวมถึงมุกขำขันเด็ดๆ ที่เหลือก็แค่พิมพ์ข้อความ/ใส่รูปเพื่อใส่เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับแต่ละหัวข้อลงไป มันก็จะเก็บเป็นฐานข้อมูลให้กับชีวิตของคุณเอง ดาวน์โหลดได้ทั้งไอโฟนและไอแพด  

วิเคราะห์ข่าวได้ดังนี้ แอปพลิเคชันนี้สามารถทำให้ผู้ที่ใช้วางแผนการดำรงชีวิตได้ดีขึ้นและเป็นระเบียบ 

ที่มา thairath


วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

ข่าวเทคโนโลยี 4

Asics พัฒนาเทคโนโลยีสร้างรองเท้า​จากเตาไมโครเวฟ

Asics พัฒนาเทคโนโลยีสร้างรองเท้า​จากเตาไมโครเวฟ

หลังจากที่ Adidas ได้สร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัวเทคโนโลยีผลิตรองเท้าแบบเร่งด่วน ล่าสุด Asics แบรนด์รองเท้ากีฬาดังอีกแห่งได้ประกาศพัฒนาเทคโนโลยีผลิรองเท้าจากตู้ไมโครเวฟสำหรับให้บริการในช็อปทั่วไปเป็นครั้งแรก
Asics แบรนด์รองเท้ากีฬาชื่อดังเผยว่า บริษัทกำลังพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตรองเท้าจากตู้อบไมโครเวฟ โดยจะนำเทคโนโลยีดังกล่าวไปให้บริการลูกค้าในช็อปของ Asics ในอนาคต ซึ่งลูกค้าสามารถออกแบบรองเท้าตามสไตล์ของตัวเองได้ภายในเวลาเพียงกี่นาทีเท่านั้น
โดยเว็บไซต์ Asics ระบุว่า เทคโนโลยีดังกล่าวจะมีวัสดุสำหรับผลิตรองเท้าหลากหลายรูปแบบ เมื่อเลือกประเภทของวัสดุที่ต้องการได้แล้วก็นำเข้าไปใส่ในไมโครเวฟที่มีเทคโนโลยีพิเศษ ซึ่งจะทำการออกแบบตัวรองเท้าและพื้นรองเท้ารวมไปถึงสีสัน ได้ตามที่ผู้สวมใส่ต้องการได้
ทั้งนี้เทคโนโลยีดังกล่าวได้รับการพัฒนาโดยบริษัท Tayin Research andDevelopment จากไต้หวัน โดยชี้ว่าการใช้เทคโนโลยีไมโครเวฟในการขึ้นรูปพื้นรองเท้าจะประหยัดพลังงานมากกว่าการใช้การฉีดขึ้นรูปแบบปกติ ซึ่งจะช่วยให้การผลิตรองเท้าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
วิเคราะห์ข่าวได้ว่าในอนาคตลูกค้าจะสามารถออกแบบรองเท้าที่ต้องการได้เองโดยใช้เทคโนโลยีการผลิตรองเท้าจากตู้อบซึ่งประหยัดเวลาและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ที่มา sanook.com