วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2561

ข่าวเทคโนโลยี 15

เวทีเศรษฐกิจโลกสวนกระแส ชี้หุ่นยนต์จะช่วยสร้างงานเพิ่ม

หุ่นยนต์อาจช่วยสร้างงานเพิ่มอีกสองเท่า
รายงานล่าสุดของคณะผู้จัดการประชุมเวทีเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum - WEF) ระบุว่าหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์นั้นไม่เป็นภัยต่อความมั่นคงทางแรงงานของมนุษย์ โดยเทคโนโลยีอันทันสมัยจะไม่ทำให้ผู้คนต้องตกงาน แต่กลับจะช่วยสร้างตำแหน่งงานขึ้นใหม่เป็นจำนวนมาก คิดเป็นสองเท่าของตำแหน่งที่ใช้เครื่องจักรเข้ามาแทนที่มนุษย์
รายงานดังกล่าวชี้ว่า จะมีตำแหน่งงานใหม่เกิดขึ้นถึง 133 ล้านตำแหน่ง ภายในช่วงกลางทศวรรษหน้า เนื่องมาจากการพัฒนาเทคโนโลยีที่รุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่คาดการณ์ว่าจะมีตำแหน่งงานของมนุษย์ที่ถูกเครื่องจักรเข้าแทนที่ 75 ล้านตำแหน่ง ซึ่งถือว่าน้อยกว่ากันมาก
เนื้อหาของรายงานนี้เป็นไปในทิศทางที่มุ่งคลายความวิตกกังวลของสังคม ในประเด็นที่หวั่นเกรงกันว่าระบบเศรษฐกิจในอนาคตที่ใช้หุ่นยนต์เป็นตัวขับเคลื่อน จะทำให้ผู้คนนับล้านต้องตกงาน ทั้งเกิดปัญหาด้านค่าแรง คุณภาพชีวิต และความเหลื่อมล้ำกระจายออกไปเป็นวงกว้างในบรรดากลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว
รายงานของ WEF ชี้ว่า เทคโนโลยีใหม่มีศักยภาพทั้งในด้านก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันและสร้างสรรค์ระบบการทำงานแนวใหม่ เช่นเดียวกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในยุคก่อน ๆ ของหน้าประวัติศาสตร์เศรษฐกิจโลก เช่น การปฏิวัติอุตสาหกรรมด้วยเครื่องจักรไอน้ำและการผลิตไฟฟ้า ซึ่งต่อมาช่วยสร้างงานตำแหน่งใหม่ ๆ และพัฒนาความเป็นอยู่จนมีชนชั้นกลางเพิ่มจำนวนมากขึ้น
รายงานนี้ได้มาจากผลสำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารบริษัทต่าง ๆ จาก 20 ประเทศทั่วโลก ซึ่งมีพนักงานรวมกันถึงกว่า 15 ล้านคน โดยนายเคลาส์ ชวาบ ประธาน WEF กล่าวว่า การได้ตำแหน่งงานเพิ่มขึ้นจากเทคโนโลยีนั้นไม่ได้เป็นการวาดฝันล่วงหน้าจนเกินไป แต่จะต้องมีการลงทุนเพิ่มขึ้นเพื่อฝึกอบรมและให้การศึกษาแก่พนักงาน สำหรับการปรับตัวทำงานร่วมกับหุ่นยนต์ในอนาคต
อย่างไรก็ตามประธาน WEF ชี้ด้วยว่า ในขณะเดียวกันภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมจะต้องลงทุนตั้งเครือข่ายสวัสดิการ เพื่อรองรับพนักงานกลุ่มที่เสี่ยงจะต้องสูญเสียตำแหน่งงานไปด้วย
รายงานยังระบุว่า ผลสำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารกิจการทั่วโลก ชี้ว่าตำแหน่งงานถึงครึ่งหนึ่งที่มีอยู่ในบริษัทของตน สามารถใช้หุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์เข้าทดแทนได้ภายในปี 2025 โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำแหน่งงานด้านธุรการ บัญชี และคนป้อนข้อมูล รวมทั้งคนที่ไม่มีทักษะในการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ

วิเคราะห์ข่าวได้ว่า หุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์นั้นไม่เป็นภัยต่อความมั่นคงทางแรงงานของมนุษย์ โดยเทคโนโลยีอันทันสมัยจะไม่ทำให้ผู้คนต้องตกงาน แต่กลับจะช่วยสร้างตำแหน่งงานขึ้นใหม่เป็นจำนวนมาก คิดเป็นสองเท่าของตำแหน่งที่ใช้เครื่องจักรเข้ามาแทนที่มนุษย์

ข่าวเทคโนโลยี 14


เทคโนโลยีรักษาความปลอดภัย: ระบบควันไล่โจรขึ้นบ้าน

"หากโจรมองไม่เห็น พวกเขาก็เอาอะไรไปไม่ได้" นี่คือแนวคิดที่อยู่เบื้องหลังการพัฒนา ZeroVision อุปกรณ์รักษาความปลอดภัยที่จะช่วยจัดการกับปัญหาตีนแมวย่องเบาเข้าไปลักทรัพย์ตามบ้านเรือน ด้วยการปล่อยควันหนาทึบเมื่อตรวจจับว่ามีผู้บุกรุกเข้าบ้าน

บริษัทผู้ผลิตบอกว่า แม้นี่อาจไม่ใช่นวัตกรรมใหม่ แต่การนำอุปกรณ์ปล่อยควันมาใช้กับระบบบ้านอัจฉริยะถือเป็นมิติใหม่ในการรักษาความปลอดภัย โดย ZeroVision จะตรวจจับผู้ที่บุกรุกเข้าบ้าน จากนั้นระบบจะส่งข้อมูลไปยังเจ้าหน้าที่ที่ตรวจสอบความปลอดภัยผ่านกล้องวงจรปิด และเมื่อเห็นว่ามีผู้บุกรุก เจ้าหน้าที่จะสั่งการให้ระบบปล่อยควันหนาทึบออกมาในห้องที่มีการติดตั้งระบบนี้ ซึ่งจะปิดกั้นทัศนวิสัยอย่างสิ้นเชิงภายใน 45 วินาที บริษัทผู้ผลิตอ้างว่าควันจะหายไปภายใน 45 นาทีและไม่ทิ้งสารตกค้างใด ๆ ภายในบ้าน
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เทคโนโลยีรักษาความปลอดภัย: ระบบควันไล่โจรขึ้นบ้าน

วิเคราะห์ได้ว่าการนำอุปกรณ์ปล่อยควันมาใช้กับระบบบ้านอัจฉริยะถือเป็นมิติใหม่ในการรักษาความปลอดภัย โดย ZeroVision จะตรวจจับผู้ที่บุกรุกเข้าบ้าน

ที่มา BBC News

วันเสาร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2561

ข่าวเทคโนโลยี13

รวบชายใช้พาสปอร์ตปลอมเข้าสหรัฐฯ ด้วยเทคโนโลยีจดจำใบหน้า

รวบชายใช้พาสปอร์ตปลอมเข้าสหรัฐฯ ด้วยเทคโนโลยีจดจำใบหน้า

ทางการสหรัฐฯ นำเทคโนโลยีจดจำใบหน้า มาช่วยในการจับกุมชายที่ใช้พาสปอร์ตปลอม ลักลอบเข้าประเทศ ที่สนามบินนานาชาติดัลเลส ในเวอร์จิเนีย หลังจากติดตั้งระบบจดจำใบหน้าในสนามบินได้เพียง 3 วัน ทางการจับกุมชายวัย 26 ปี ที่เดินทางจากนครเซา เปาโล ของบราซิล ซึ่งพยายามเข้าสหรัฐฯโดยใช้พาสปอร์ตปลอมของฝรั่งเศส แต่ระบบจดจำใบหน้าสามารถระบุตัวได้ว่าข้อมูลบนใบหน้าของเขาไม่ตรงกับสัญชาติของหนังสือเดินทางที่เขาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเข้าตรวจค้นจึงพบว่า ชายคนดังกล่าวมีสัญชาติคองโก และซ่อนบัตรประจำตัวประชาชนของตัวเองไว้ในรองเท้า เจ้าหน้าที่หน่วยงานศุลกากร ภายใต้กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ ระบุว่า สนามบินนานาชาติดัลเลส เป็นหนึ่งใน 14 สนามบินในอเมริกา ที่นำร่องการใช้ระบบจดจำใบหน้า ตามด่านตรวจคนเข้าเมืองของสนามบิน ซึ่งเริ่มใช้ระบบนี้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ปัจจุบันมีหลายประเทศทั่วโลกที่เริ่มนำระบบดังกล่าวไปใช้ โดยเฉพาะที่ประเทศจีน ซึ่งมีการใช้ระบบจดจำใบหน้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนที่สหรัฐฯ ก็เริ่มใช้ระบบนี้บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองตามพรมแดนสหรัฐฯ ท่ามกลางเสียงคัดค้านว่าอาจเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล รวมทั้งการวิจัยที่ชี้ว่าระบบจดจำใบหน้ายังไม่แม่นยำเพียงพอ โดยเฉพาะกับคนผิวสี

วิเคราะห์ได้ว่า ทางการสหรัฐฯ นำเทคโนโลยีจดจำใบหน้า มาช่วยในการจับกุมชายที่ใช้พาสปอร์ตปลอม ลักลอบเข้าประเทศ ซึ่งเริ่มใช้ระบบนี้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ปัจจุบันมีหลายประเทศทั่วโลกที่เริ่มนำระบบดังกล่าวไปใช้ โดยเฉพาะที่ประเทศจีน ซึ่งมีการใช้ระบบจดจำใบหน้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนที่สหรัฐฯ ก็เริ่มใช้ระบบนี้บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองตามพรมแดนสหรัฐฯ 
ที่มา : sanook
ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองตามสนามบินจะใช้การระบุเอกลักษณ์ อย่างการตรวจลายนิ้วมือ เพื่อดูว่าใช้หนังสือเดินทางจริงหรือไม่ในการเข้าออกประเทศ แต่สร้างความล่าช้าในระบบตรวจคนเข้าเมืองอย่างมาก ทำให้มีการผลักดันการใช้ระบบตรวจลายนิ้วมือเพียงอย่างเดียวแทนการใช้เอกสารการเดินทาง ก่อนจะมีการเสนอให้ใช้ระบบจดจำใบหน้านี้ขึ้นมาระบบจดจำใบหน้า เริ่มได้รับความสนใจในสหรัฐฯ เมื่อไม่นานมานี้ หลังจากที่ผู้ก่อเหตุกราดยิงในสำนักงานของหนังสือพิมพ์ Capital Gazette ที่เมืองแอนนาโพลิส รัฐแมรีแลนด์ ซึ่งช่วยระบุตัวผู้ก่อเหตุ ที่ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่พิมพ์ลายนิ้วมือเพื่อระบุเอกลักษณ์

วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2561

ข่าวเทคโนโลยี12


ปตท.ลุยสถานีเติมไฟฟ้า

นายบุรณิน รัตนสมบัติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ธุรกิจหล่อลื่น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยระหว่างนำสื่อมวลชนศึกษาดูงานสำนักงานใหญ่รถยนต์ค่ายบีเอ็มดับบลิว ณ เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี ว่าจากแนวโน้มการใช้รถยนต์ของโลกหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น เพราะมีการพัฒนาเทคโนโลยีให้การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าได้ระยะทางยาวขึ้น ขณะที่ในปีนี้ ปตท.จะสร้างสถานีชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์อีก 20 สถานี จากปัจจุบันเสร็จไปแล้ว 21 แห่ง แต่ยังไม่ได้เปิดบริการบุคคลทั่วไป เพระรอการอนุมัติของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)


ด้านนายณรัตน์ไชย หลีระพันธ์ ประธานกรรมการ บริษัท จีแอลที กรีน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปีนี้จะลงทุนอีก 50 ล้านบาท เพื่อสร้างสถานีชาร์จรถไฟฟ้าเพิ่มอี
ก 70 สถานี ซึ่งจะทำให้บริษัทมีจุดให้บริการกว่า 200 สถานี เพื่อรองรับกระแสใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่เริ่มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขณะนี้ประเทศไทยมีการใช้งานแล้วราว 13,000 คัน และจากนี้ไปคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกปีละ 10,000 คัน ส่วนค่าบริการในการชาร์จไฟฟ้าแต่ละครั้งนั้นจะคิดตามความเหมาะสม เช่น ที่ห้างคิดค่าบริการชั่วโมงละ 40-50 บาท หากคำนวณระยะทางต่อลิตรจะถูกกว่าเติมน้ำมันเชื้อเพลิง.

วิเคราะห์ได้ว่า แนวโน้มการใช้รถยนต์ของโลกหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น เพราะมีการพัฒนาเทคโนโลยีให้การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าได้ระยะทางยาวขึ้น ขณะที่ในปีนี้ ปตท.จะสร้างสถาน
ชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์อีก 20 สถานี จากปัจจุบันเสร็จไปแล้ว 21 แห่ง แต่ยังไม่ได้เปิดบริการบุคคลทั่วไป เพราะรอการอนุมัติของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)


ที่มา : thairath

วันจันทร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ข่าวเทคโนโลยี 11

อาการ "เสพติดโทรศัพท์มือถือ" ปัญหาใหญ่ยุคเทคโนโลยีดิจิทัล!

istock-505839618


ผลการสำรวจหลายชิ้นทำให้พบว่า ตัวเลขของผู้ที่มีอาการติดเทคโนโลยีและตัดไม่ขาดจากอุปกรณ์มือถือนั้น มีอยู่ราว 1 - 6% และปัญหาดังกล่าวเริ่มเป็นที่สนใจของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ เช่น Google และ Apple

รวมทั้งฝรั่งเศสเองก็ได้ออกมาตรการห้ามส่งอีเมลหลังเลิกงาน และกำลังออกกฎหมายห้ามนักเรียนนักศึกษาใช้โทรศัพท์มือถือในพื้นที่ของโรงเรียนด้วย

คุณ Tanya Goodin ผู้เขียนหนังสือชื่อ "Off: Your Digital Detox for a Better Life" กล่าวว่าขณะนี้เราได้เห็นสิ่งที่เรียกว่า digital babysitting คือการที่พ่อแม่ผู้ปกครองยอมให้บุตรหลานของตนใช้อุปกรณ์มือถือเร็วกว่าสมัยก่อนมาก

อย่างไรก็ตาม เรื่องของการติดอุปกรณ์มือถืออย่างแยกไม่ออกนี้ จะกล่าวโทษเด็กวัยรุ่นหรือคนยุคเจนเนอเรชั่น Y ฝ่ายเดียวคงไม่ได้ เพราะผลการสำรวจของ Pew Research Center เมื่อไม่นานมานี้ ระบุว่า ขณะที่ราวสองในสามของพ่อแม่ผู้ปกครอง บ่นว่า เวลาที่ลูกหลานของตนใช้หรือติดโทรศัพท์มือถือนั้นมีมากเกินไป

แต่กว่าครึ่งของเด็กวัยรุ่นก็บอกเช่นกันว่า บ่อยครั้งที่พ่อแม่ดูจะสนใจให้เวลากับโทรศัพท์มากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่ตนอยากจะสนทนาหารือกับพ่อแม่เช่นกัน

วิเคราะห์ข่าวได้ว่าผู้คนในยุคนี้มีการใช้ส่อโซเชียลมีเดียมากขึ้นจนขาดมนุษยสัมพันธ์กับคนรอบข้าง

ที่มา : sanook

วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ข่าวเทคโนโลยี 10

เทคโนโลยี "เลเซอร์" รักษาอาการ "ภูมิแพ้"


เทคโนโลยี "เลเซอร์" รักษาอาการ "ภูมิแพ้"

การรักษาโดยการใช้เลเซอร์ ซึ่งจะทำการยิงเลเซอร์ไปที่ตัวเซ็นเซอร์ที่รับและสัมผัสได้ไวในโรคภูมิแพ้ จะอยู่ที่ปลายจมูกบริเวณด้านหน้า เรียกว่า Inferior Turbinate เพื่อไปทำลายตัวรับสัญญาณภูมิแพ้ที่อยู่บริเวณดังกล่าวให้ทำงานน้อยลง โดยจะไม่เกิดปฏิกิริยากระตุ้นสารก่อภูมิแพ้อีก และยังช่วยลดขนาด จำนวนของเส้นเลือดที่อยู่ใต้เยื่อบุโพรงจมูก ทำให้ผู้ป่วยหายใจได้โล่งขึ้น มีน้ำมูกน้อยลง โดยพลังงานเลเซอร์ จะทำให้เนื้อเยื่อเเข็งตัว จากนั้นจะมีการปรับสภาพของเส้นเลือดเเละเยื้อบุ และประมาณ 1-2 สัปดาห์ ผู้ป่วยจะมีสะเก็ดแผล แล้วเพียงกลับมาเอาสะเก็ดออก ก็จะมีความรู้สึกโล่งจมูก อาการภูมิแพ้ลดลง ปริมาณการใช้ยาก็ลดลง 
วิเคราะห์ได้ว่า การใช้เลเซอร์นี้สามารถทำให้หายใจสะดวกมากขึ้น
ที่มา : sanook

วันเสาร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ข่าวเทคโนโลยี 9

เทคโนโลยีเปลี่ยนสีเสื้อผ้า





ด้วยเนื้อผ้าอัจฉริยะคุณสามารถเปลี่ยนสีเองได้ไม่ว่าจะเป็นสีชมพู, ฟ้า หรือจะเป็นลายเส้นสีชมพู สีฟ้า ง่ายๆเพียงแค่กดปุ่มที่แอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนก็สามาร์ทโฟนก็สามารถเปลี่ยนแปลงสีเสื้อผ้าได้อย่างง่ายๆ โดยนักวิจัยจาก College of Optics and Photonics จากมหาวิทยาลัย University of Central Florida (UCF) ได้ทำการวิจัยเทคโนโลยีการเปลี่ยนแปลงสีของเนื้อผ้าที่พวกเขาเรียกว่า ChroMorphous 

ทั้งนี้ เนื้อผ้าที่เปลี่ยนแปลงสีได้นี้จะใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ ถูกฝังอยู่กับสายไฟขนาดเล็กที่สามารถเปลี่ยนแปลงสีของเส้นใยแต่ละเส้น โดยขึ้นอยู่กับกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่าน เมื่อเปิดเครื่องเนื้อผ้าจะทำการเปลี่ยนแปลงสีได้เลย ซึ่งทาง UCF ได้ใช้เทคโนโลยีการทอผ้าด้วยการใช้เส้นใยขนาดเล็กและการใส่สี

วิเคราะห์ข่าวได้ว่า เนื้อผ้าที่เปลี่ยนสีได้นี้จะใช้พลังงานจากแตเตอรี่ และสามามารถเปลี่ยนสีเนื้อผ้าผ่านแอปพลิเคชัน

ที่มา : thairath

วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ข่าวเทคโนโลยี 8


พัฒนาสร้างคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่สุดในโลก


การแข่งขันพัฒนาเทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่เพียงแค่ประสิทธิภาพการทำงานสุดล้ำ แต่ยังแข่งกันที่ขนาดของนวัตกรรมใหม่ด้วย ล่าสุดไอบีเอ็ม ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ได้ประกาศว่า แชมป์ใหม่ที่สามารถสร้างคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่สุดในโลกได้กลายเป็นของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน ในสหรัฐอเมริกาเป็นที่เรียบร้อย 

คอมพิวเตอร์ขนาดเล็กตัวนี้มีขนาด 0.3 มิลลิเมตร เทียบแล้วก็เล็กกว่าเมล็ดข้าว ประกอบด้วยแรม (RAM), โฟโตโวลตาอิกส์ (Photovoltaics) เป็นตัวแปลงพลังงานแสงเป็นพลังงานไฟฟ้า มีตัวเก็บประจุ (capacitors) และยังมีตัวประมวลผลพร้อมเครื่องส่งสัญญาณและรับสัญญาณแบบไร้สาย มีเซ็นเซอร์อุณหภูมิที่เที่ยงตรง ให้ความแม่นยำสูงในขณะที่ใช้พลังงานต่ำ ระบบถูกออกแบบให้มีความยืดหยุ่นมาก เพื่อไปปรับใช้กับวัตถุประสงค์ต่างๆ ได้ แต่ทีมวิจัยได้เน้นที่การวัดอุณหภูมิอย่างแม่นยำ เพื่อนำไปช่วยทางการแพทย์โดยเฉพาะการประเมินการรักษาโรคมะเร็ง เนื่องจากตัวเซ็นเซอร์อุณหภูมิจะตรวจสอบความแปรผันของอุณหภูมิภายในเนื้องอกกับเนื้อเยื่อปกติ จะทำให้กำหนดเป้าหมายในการรักษาได้ 

อย่างไรก็ตาม นักวิศวกรรมไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ที่พัฒนาสร้างคอมพิวเตอร์จิ๋วเผยว่า ยังไม่แน่ใจว่าจะเรียกว่าเป็นคอมพิวเตอร์ได้หรือไม่ เพราะคอมพิวเตอร์โดยปกติทั่วไปเมื่อดับเครื่องถอดปลั๊กโปรแกรมและข้อมูลจะยังคงอยู่ในนั้น เมื่อเปิดเครื่องขึ้นมาใหม่ข้อมูลก็ไม่ได้หายไปไหน แต่สำหรับเจ้าคอมพิวเตอร์จิ๋วนี้เมื่อปิดเครื่อง ก็จะสูญเสียโปรแกรมและข้อมูลทั้งหมดจะหายไป ซึ่งยังต้องพัฒนาต่อให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น.

วิเคราะห์ข่าวได้ว่า คอมพิวเตอร์ขนาดเล็กนี้จะมีความสามารถในทางการแพทย์โดยเฉพาะการประเมินการรักษาโรคมะเร็ง 


ที่มา : thairath

วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

ข่าวเทคโนโลยี 7


Samsung กลับมาชูโฆษณาแบตเตอรี่อึดอีกครั้ง หลังเกิดเหตุบน Note 7


Samsung กลับมาชูโฆษณาแบตเตอรี่อึดอีกครั้ง หลังเกิดเหตุบน Note 7




อย่างที่รู้กันดีว่าในช่วงอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าทาง Samsung น่าจะทำการเปิดตัว Galaxy Note 9 ออกมาให้พวกเราได้เห็นกันแล้วและก็ดูเหมือนว่าการเปิดตัวในครั้งนี้จะเป็นการนำเสนอแบตเตอรี่ขนาดใหญ่จากทาง Samsung อีกครั้งหนึ่ง และที่คาดการณ์กันเอาไว้ว่าจะเป็นอย่างนั้นก็เพราะ Teaser ที่ทางเราได้เห็นกันนี่เองที่ทำให้เห็นได้ชัดเลยว่า Samsung มีแบตเตอรี่มาเป็นอีกจุดช่วยขายในครั้งนี้
มีข่าวลือออกมาด้วยว่าในครั้งนี้แบตเตอรี่อาจจะสามารถจุได้ถึง 4,000 mAh (บางสื่อบอกว่า 3,850 mAh) ซึ่งถ้าออกมาขนาดนี้จริงก็สามารถพูดได้เลยว่าเป็นแบตเตอรี่ที่ใหญ่ที่สุดในตระกูล Note แล้ว จึงเป็นที่น่าจับตามองว่าการเปิดตัวในครั้งนี้น่าจะเป็นอีกก้าวที่สำคัญของการพัฒนาจากทาง Samsung ที่น่าจะตื่นเต้นกว่าปีที่ผ่านมา และการก้าวข้ามปัญหา Note 7 ที่เกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีก่อน

อย่างที่หลายๆ คนได้ทราบกันมาว่า Note 7 นั้น เคยมีขนาดแบตเตอรี่ที่จุได้ถึง 3,500 mAh แต่ก็ต้องถูกเรียกคือเป็นการด่วนเนื่องจากปัญหาในเรื่องของแบตเตอรี่ จนทำให้สายการบินของสหรัฐฯ ห้ามผู้โดยสารนำอุปกรณ์ดังกล่าวขึ้นเครื่องโดยเด็ดขาดเพื่อเป็นการป้องกันความปลอดภัยนั่นเอง
หลังจากเกิดเหตุการณ์ของ Note 7 ขึ้นในปี 2016 ทาง Samsung ก็ได้ออกมาขอโทษและชดเชยเรียบร้อยแล้ว และในปีต่อมา Note 8 ก็ถอยกลับมาใช้แบตเตอรี่ขนาด 3,300 mAh
แต่ดูเหมือนในครั้งนี้ทาง Samsung จะมั่นใจมากขึ้นแล้วเพราะดูเหมือนว่าทางบริษัทจะไม่เพียงแค่จะปล่อยแบตเตอรี่ที่ใหญ่กว่าเดิมออกมาและยังเป็นจุดขายหลักของ Note รุ่นล่าสุดในครั้งนี้อีกด้วย
และแน่นอนว่าเป้าหมายในครั้งนี้ของ Galaxy Note 9 นั้นจะต้องไม่มีเพียงแค่แบตเตอรี่ความจุสูงเท่านั้น แต่ยังต้องมีอะไรที่มากกว่าการเป็นแค่ Galaxy S9+ พร้อมปากกาแน่นอน

วิเคราะห์ข่าวได้ว่า จากข่าวข้างต้น Samsung ได้เปิดตัว  Samsung Galaxy Note 9 ซึ่งรุ่นนี้มีแบตเตอรีที่ใหญ่และสามารถจุไฟได้ถึง 4000 mAh ซึ่งสามารถจุได้มากกว่ารุ่นอื่นๆที่เคยมีมา

ที่มา : news.thaiware

วันพฤหัสบดีที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

ข่าวเทคโนโลยี 6

เปิดโฉม “เทคโนโลยีซักได้” เพื่อคนรักแฟชั่นและชอบผลิตภัณฑ์ไฮเทค
เปิดโฉม “เทคโนโลยีซักได้” เพื่อคนรักแฟชั่นและชอบผลิตภัณฑ์ไฮเทค
เทคโนโลยีที่สวมได้ หรือ wearable technology เป็นที่พูดถึงกันอย่างกว้างขวางในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตัวอย่างที่เห็นชัดที่สุดน่าจะเป็น นาฬิกาสมาร์ทว็อทช์ ที่กลายเป็นสินค้าที่พบเห็นทั่วไปภายในเวลาไม่กี่ปี
ล่าสุด wearable technology กำลังเข้าสู่ยุคของการพัฒนาเสื้อผ้า ที่มีระบบปฏิบัติการเหมือนกับว่าเรากำลังสวมใส่คอมพิวเตอร์อยู่
โครงการหนึ่งที่สะท้อนถึงเทคโนโลยีล่าสุดนี้ คือความร่วมมือระหว่างบริษัท Google และบริษัทเสื้อผ้า Levi’s ของสหรัฐฯ
คุณไอวาน ปูพิเรพ (Ivan Poupyrev) จาก Google กล่าวว่า เสื้อแจคเก็ตที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยโครงการร่วมดังกล่าวสามารถส่งสัญญาณสั่น และสัญญาณแสง เตือนผู้สวมใส่เมื่อมีสายเรียกเข้า นอกจากนั้น เมื่อผู้ใส่เสื้อ ลูบไปที่ผ้าบริเวณปลายแขน ระบบสามารถบอกถึงเส้นทางการเดินทาง และเปิดเพลง เมื่อเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้
เขากล่าวว่า การเชื่อมต่อระบบคอมพิวเตอร์กับเสื้อผ้าที่สวมใส่ทำให้ผู้ที่เดินทางไม่จำเป็นต้องละสายตาไปจากถนนที่อยู่ตรงหน้า
และเนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์เสื้อผ้า นักประดิษฐ์จึงเรียกนวัตกรรมเหล่านี้ว่าอยู่ในกลุ่ม washable technology หรือ “เทคโนโลยีซักได้”
ไอวาน ปูพิเรพ กล่าวว่า เทคโนโลยีนี้เกิดขึ้นจากการสร้างเส้นใยไฮเทค ด้วยความรู้วิศวกรรมชีวภาพที่ทำให้ใยไหม หรือหนังที่ใช้กับเสื้อผ้าซึ่งถูกสร้างการเซลยีสต์ทำงานร่วมกับการสั่งการโดยซอฟแวร์ได้
เทคโนโลยีที่ปฏิวัติแนวทางการสร้างวัสดุสำหรับการตัดเสื้อผ้ายังส่งผลถึงการออกแบบเครื่องแต่งกายด้วย
ซะยูซี เพ็คชีแอน จากบริษัท BCG Ventures กล่าวว่า ผู้ออกแบบเสื้อผ้ามีเครื่องมือใหม่ๆ เหล่านี้ ที่ทำให้พวกเขาสร้างงานที่ไม่เคยได้ออกแบบมาก่อน
เธอกล่าวว่าเนื่องจากความซับซ้อนของนวัตกรรมใหม่ เช่น การทำแบบด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ที่มีสูตรคณิตศาสตร์มาเกี่ยวข้อง งานของดีไซเนอร์ยุคใหม่อาจต้องใช้ความรู้การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์มาช่วย
นอกจากเทคโนโลยีในการออกแบบ วงการเสื้อผ้ายังต้องปรับตัวกับระบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์เรื่องการตลาดผ่านข้อมูลบนโซเชียลมีเดีย
ซะยูซี เพ็คชีแอน กล่าวว่า ผู้กำหนดทิศทางแฟชั่น อาจไม่ใช่ดีไซเนอร์ที่มีความรู้ชั้นสูงด้านการออกแบบเสมอไป เพราะเทรนด์แฟชั่นในปัจจุบันถูกกำหนดโดยลูกค้าและใครก็ได้ที่สามารถแสดงความคิดเห็นบนโลกออนไลน์
และแผนการตลาดของผู้ขายเสื้อผ้าในปัจจุบัน ดึงข้อมูลพฤติกรรมการซื้อของออนไลน์ของผู้บริโภคมาใช้ โดยมีจุดประสงค์เพื่อนำเสนอสินค้าที่ถูกใจผู้ที่เข้ามาดูของบนหน้าเว็บไซต์
คุณเพ็คชีแอน บอกว่าประสบการณ์ซื้อเสื้อผ้าออนไลน์ในปัจจุบัน นำเสนอสินค้าต่อลูกค้าตามรสนิยมของผู้ซื้อแต่ละคน จนทำให้บางครั้งรู้สึกว่า แบรนด์สินค้ารู้จักตัวตนของลูกค้าเป็นอย่างดี
ส่วนผู้ที่รู้สึกถูกใจกับ เสื้อแจคเก็ตอัจฉริยะของ Levi’s บริษัทตั้งราคาไว้ที่ตัวละ 350 ดอลลาร์หรือกว่า 10,000 บาท
วิเคราห์ข่าวได้ว่าเสื้อแจ็คเก็ตตัวนี้สามารถประหยัดเวลาในการทำความสะอาดเสื้อผ้าได้ในระดับนึงและมีประโยชน์กับนักเดินทางอีกด้วย ถึงแม้จะมีราคาที่ค่อนข้างสูง
ที่มา sanook

วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

ช่าวเทคโนโลยี 5

เก็บฐานข้อมูล ให้ตัวเอง




Airtable แอปพลิเคชันที่เก็บข้อมูลให้คนเรากับการสร้างตำนานให้กับชีวิตของตัวเองด้วยการบันทึกความสนใจ แผนงาน ความฝัน เป้าหมาย ของสะสม ฯลฯ เก็บไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยในแอป เมื่อเปิดแอปมาคุณจะเจอ คอลเลกชันแนะนำมากมายให้เลือกใช้ เช่น คอร์สเรียนกีตาร์ ชมรมฟุตบอล คลังรองเท้ากีฬา และหากไล่ลงมาด้านล่างๆ จะพบว่าคุณสามารถเลือกสร้างบันทึกของตัวเองในหมวดต่างๆ อาทิ การติดตามโปรเจกต์ เช่น เตรียมซื้อรถใหม่ รวมถึงมุกขำขันเด็ดๆ ที่เหลือก็แค่พิมพ์ข้อความ/ใส่รูปเพื่อใส่เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับแต่ละหัวข้อลงไป มันก็จะเก็บเป็นฐานข้อมูลให้กับชีวิตของคุณเอง ดาวน์โหลดได้ทั้งไอโฟนและไอแพด  

วิเคราะห์ข่าวได้ดังนี้ แอปพลิเคชันนี้สามารถทำให้ผู้ที่ใช้วางแผนการดำรงชีวิตได้ดีขึ้นและเป็นระเบียบ 

ที่มา thairath


วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

ข่าวเทคโนโลยี 4

Asics พัฒนาเทคโนโลยีสร้างรองเท้า​จากเตาไมโครเวฟ

Asics พัฒนาเทคโนโลยีสร้างรองเท้า​จากเตาไมโครเวฟ

หลังจากที่ Adidas ได้สร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัวเทคโนโลยีผลิตรองเท้าแบบเร่งด่วน ล่าสุด Asics แบรนด์รองเท้ากีฬาดังอีกแห่งได้ประกาศพัฒนาเทคโนโลยีผลิรองเท้าจากตู้ไมโครเวฟสำหรับให้บริการในช็อปทั่วไปเป็นครั้งแรก
Asics แบรนด์รองเท้ากีฬาชื่อดังเผยว่า บริษัทกำลังพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตรองเท้าจากตู้อบไมโครเวฟ โดยจะนำเทคโนโลยีดังกล่าวไปให้บริการลูกค้าในช็อปของ Asics ในอนาคต ซึ่งลูกค้าสามารถออกแบบรองเท้าตามสไตล์ของตัวเองได้ภายในเวลาเพียงกี่นาทีเท่านั้น
โดยเว็บไซต์ Asics ระบุว่า เทคโนโลยีดังกล่าวจะมีวัสดุสำหรับผลิตรองเท้าหลากหลายรูปแบบ เมื่อเลือกประเภทของวัสดุที่ต้องการได้แล้วก็นำเข้าไปใส่ในไมโครเวฟที่มีเทคโนโลยีพิเศษ ซึ่งจะทำการออกแบบตัวรองเท้าและพื้นรองเท้ารวมไปถึงสีสัน ได้ตามที่ผู้สวมใส่ต้องการได้
ทั้งนี้เทคโนโลยีดังกล่าวได้รับการพัฒนาโดยบริษัท Tayin Research andDevelopment จากไต้หวัน โดยชี้ว่าการใช้เทคโนโลยีไมโครเวฟในการขึ้นรูปพื้นรองเท้าจะประหยัดพลังงานมากกว่าการใช้การฉีดขึ้นรูปแบบปกติ ซึ่งจะช่วยให้การผลิตรองเท้าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
วิเคราะห์ข่าวได้ว่าในอนาคตลูกค้าจะสามารถออกแบบรองเท้าที่ต้องการได้เองโดยใช้เทคโนโลยีการผลิตรองเท้าจากตู้อบซึ่งประหยัดเวลาและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ที่มา sanook.com

วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ข่าวเทคโนโลยี 3


อินสตาแกรมทีวี


เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา Instagram (อินสตาแกรม : IG) แอปพลิเคชันสำหรับการตกแต่งภาพถ่ายสำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟนที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดีเพราะส่วนใหญ่มักจะเป็นสมาชิกในชุมชนออนไลน์ยอดนิยมได้ประกาศก้าวไปอีกระดับด้วยการแนะนำแอป Instagram TV หรือ IGTV เป็นที่แน่นอนว่าเป้าหมายสุดท้ายก็คือการท้าชิง Youtube แอปชุมชนออนไลน์แลกเปลี่ยนไฟล์วิดีโอนั่นเอง 

ทาง IG โดยผู้บริหารสูงสุดหรือซีอีโอ “เควิน ซิสตรอม” ได้ประกาศผ่าน IG ว่า หลังจากได้เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2010 จนถึงปัจจุบัน จำนวนสมาชิกผู้ใช้ IG ทั่วโลกได้พุ่งแตะหลักพันล้านคนไปเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งการประกาศเปิดตัวแอปใหม่ ซึ่งสมาชิกจะสามารถรับชมวิดีโอได้ในรูปแบบแนวตั้งเต็มจอผ่าน
สมาร์ทโฟน โดยไม่ต้องพลิกโทรศัพท์ให้เป็นแนวนอน อีกทั้งยังสามารถรับชมผ่านแอป IG เดิมได้อีกด้วย


ทั้งนี้ เริ่มแรกจะเป็นการแชร์วิดีโอจากเหล่าคนดังและนักสร้างสรรค์ผ่าน IG ที่เด็ดไปกว่านั้นก็คือ การขยายเวลาจากเดิมที่เคยจำกัดแชร์ภายในเวลาหนึ่งนาทีเป็นสูงสุดหนึ่งชั่วโมงเต็ม การใช้แอปดังกล่าวไม่จำเป็นต้องค้นหาการเริ่มต้นรับชมคอนเทนต์จากคนที่คุณติดตาม IG คนคนนั้นก็รับชมโดยปริยาย

อีกทั้งค้นหาวิดีโอหรือคอนเทนต์ที่ชื่นชอบเป็นพิเศษ ด้วยการตวัดนิ้วขึ้นเพื่อรับชมในส่วนหมวดหมู่ “For You”, “Following”, “Popular” และ “Continue Watching ซึ่งคุณเองก็ยังกด like, comment และคลิก send วิดีโอให้เพื่อนได้โดยตรง

ขณะที่ใครๆก็สามารถเป็น Creator ได้ โดย Creator เปรียบเสมือนเป็นทีวีหนึ่งช่อง สามารถอัปโหลดวิดีโอของคุณผ่านแอป IGTV หรือผ่านเว็บเพื่อเริ่มต้นสร้างช่องของคุณผ่านชุมชนออนไลน์แห่งนี้ ซึ่งสามารถผูกบัญชีเดียวกับ IG เดิมได้เลย โดย IGTV จะเปรียบเสมือนเป็นสถานที่เพื่อเชื่อมโยงผู้คนที่ต้องการสร้างวิดีโอ เพื่อการศึกษาและความบันเทิงมาเจอกันทุกวัน โดยจะเริ่มให้บริการผ่านแอปใหม่ในอีกไม่กี่สัปดาห์ที่จะถึงนี้ทั้งในระบบปฏิบัติการ iOS และ Android

ทันทีที่ IG ได้ประกาศรุกสู่บริการใหม่นี้ เพียงแค่วันเดียวทำให้ราคาหุ้นเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นเจ้าของ IG ได้เพิ่มขึ้นจากราคาปกติถึง 2.3% ทำให้ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ “มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก” ที่ก่อนหน้าเจอวิกฤติศรัทธากับข้อมูลผู้ใช้บริการเฟซบุ๊กรั่วไหล รวมทั้งข้อมูลของตนเองด้วย รวยเพิ่มขึ้นทันทีถึง 1,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อคิดสัดส่วนหุ้นที่ถือไว้

เพราะมองกันว่าบริการใหม่นี้จะประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น สมาชิกผู้ใช้บริการ IG ทุกคนสามารถตั้งช่องทีวีของตนได้เอง และสมาชิกผู้ใช้ IG เดิมจะมีความยินดีกับกิจกรรมหรือของเล่นใหม่ๆ ซึ่งเราจะต้องได้เห็นงานสร้างสรรค์ดีๆ ที่น่าสนใจในอีกไม่กี่วันนี้อย่างแน่นอน!!!

วิเคราะห์ข่าวได้ว่าฟีเจอร์นี้สามารถทำให้ทุกคนๆเป็นครีเอเตอร์ด้วยตนเองได้ ซึ่งจะคล้ายกับการมีช่องโทรทัศน์ของตัวเอง เพียงแค่อัปโหลดวิดีโอผ่าน IGTV


ที่มา Thairath


วันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ข่าวเทคโนโลยี 2


เปิดตัว Anker PowerCore แบตฯ สำรอง Nintendo Switch รองรับ USB-C
Anker เปิดตัว Anker PowerCore แบตฯ สำรองขนาด 13400mAh เล่มเพิ่มได้อีก 10 ชั่วโมงและขนาด 20100mAh เล่นเพิ่มได้อีก 15 ชั่วโมง รองรับชาร์จผ่านสาย USB-C
หลายคนที่มี Nintendo Switch น่าจะเคยเจอปัญหา “แบตฯ หมดไว” ถ้าไม่ได้พก Power Bank คงรู้สึกเหมือนของขาดแน่ ๆ ล่าสุดทาง Anker ได้เปิดตัว Anker PowerCore แบตฯ สำรองสำหรับ Nintendo Switch โดยเฉพาะ ด้วยการรองรับชาร์จไวผ่านสาย USB-C โดยใช้เวลาในการชาร์จเพียง 3 ถึง 3.5 ชั่วโมงเท่านั้น (เร็วพอ ๆ กับ Adapter) หรือจะเอาไปชาร์จสมาร์ทโฟนผ่าน USB-A อีกช่องก็ได้
ส่วนตัว Anker PowerCore ก็มีให้เลือก 2 ความจุ อาทิ ขนาด 13400mAh เล่มเพิ่มได้อีก 10 ชั่วโมง ราคา 70 เหรียญฯ หรือประมาณ 2,300 บาท และขนาด 20100mAh เล่นเพิ่มได้อีก 15 ชั่วโมง ราคา 90 เหรียญฯ หรือประมาณ 2,900 บาท 

วิเคราะห์ข่าวได้ว่า Anker PowerCore เป็นแบตสำรองที่สามารถชาร์จเข้าสู่โทรศัพท์ได้ในเวลาที่น้อย และ มีความจุจำนวนมากเหมาะกับคนที่ต้องใช้โทรศัพท์เป็นเวลานานหรือออกไปนอกสถานที่
ที่มา : Engadget

วันอาทิตย์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ข่าวเทคโนโลยี 1

Facebook ติดบัค ทำโพสต์ผู้ใช้กลายเป็นโพสต์สาธารณะ ทั้งที่ตั้งค่าความเป็นส่วนตัวเอาไว้

Facebook ติดบัค ทำโพสต์ผู้ใช้กลายเป็นโพสต์สาธารณะ ทั้งที่ตั้งค่าความเป็นส่วนตัวเอาไว้


น่าจะกลายมาเป็นประเด็นใหญ่โตอีกครั้งเมื่อ Facebook ได้ออกประกาศแจ้งให้ผู้ใช้ทั่วโลกจำนวนกว่า 14 ล้านคน ทราบถึงข้อผิดพลาดที่ส่งผลให้การตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้นั้นเปลี่ยนไป ส่งผลให้โพสต์ของผู้ใช้กลายมาเป็นโพสต์สาธารณะ แม้จะได้มีการตั้งค่าจำกัดการมองเห็นเอาไว้แค่เพื่อน หรือเฉพาะกลุ่มก็ตาม
ข้อผิดพลาดดังกล่าวนี้ เกิดขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม ที่ผ่านมาเมื่อแพลตฟอร์มดังกล่าวได้ทำการปล่อยส่วน Featured items หรือ  "รายการเด่น" ออกมาเพื่อให้ผู้ใช้อัพเดตโปรไฟล์ ซึ่งการตั้งค่า Featured items นี้จะถูกเปิดให้เป็นสาธารณะ แต่กลับกลายเป็นว่ามันไปทำให้โพสต์ใหม่ๆ กลายเป็นสาธารณะด้วย

Facebook ติดบัค ทำโพสต์ผู้ใช้กลายเป็นโพสต์สาธารณะ ทั้งที่ตั้งค่าความเป็นส่วนตัวเอาไว้

Facebook ได้รับทราบและเริ่มแก้ไขมาตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม โดยมีการรีเซ็ตการตั้งค่ากลับไปเป็นเหมือนเดิมก่อนจะเกิดเหตุผิดพลาดที่ว่า และในขณะนี้ก็ได้มีการแจ้งเตือนผู้ใช้ที่อาจได้รับผลกระทบ เพื่อให้กลับไปดูการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของโพสต์ในฃ่วงระหว่างวันที่ 18-27 พฤษภาคม ในกรณีที่การตั้งค่าความเป็นส่วนตัวเหล่านั้นถูกเปลี่ยนโดยไม่ได้ตั้งใจ

Erin Egan เจ้าหน้าที่ด้าน Privacy ของ Facebook ได้กล่าวยืนยันว่า "ข้อผิดพลาดนี้ไม่ได้ส่งผลต่อสิ่งที่ผู้ใช้เคยโพสต์มาก่อนหน้า และในทุกการโพสต์ ผู้ใช้จะยังสามารถเลือกผู้ที่ต้องการให้มองเห็นโพสต์ได้เหมือนเดิม" พร้อมกันนี้ เค้าก็ได้กล่าวขอโทษสำหรับความผิดพลาดดังกล่าวด้วย

วิเคราะห์ข่าวได้ว่าถึงแม้ Facebook จะมีข้อผิดพลาดด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของบัญชีผู้ใช้อย่างไร ผู้ใช้ทุกคนก็ควรจะใช้ Facebook ไปในทางสร้างสรรค์และเชิงบวก
                                         
ที่มา : engadget

วันอังคารที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2561